1. โคฮากุ (Kohaku)
2. ไทโช-ซันโชกุ (Taisho Sanshoku)
3. โชวา-ซันโชกุ (Showa Sanshoku)
ต่อจากนี้เราจะมาพูดถึงลักษณะและวิธีการดูปลาคาร์ฟ ทั้ง 4 ชนิดกันนะครับ
1. โคฮากุ
2. ไทโช-ซันโชกุ
3. โชวา-ซันโชกุ
การเลี้ยงปลาคาร์ฟ สิ่งที่ควรรู้ก่อนการเลี้ยงปลาคาร์ฟก็ได้พูดไปแล้วต่อไปเราจะมาดูปัจจัยที่ส่งผลกับการเลี้ยงปลาคาร์ฟกันนะครับ นั้นก็ คือ บ่อ น้ำ แสงแดด และ อาหาร สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรต้องรู้เพราะจะทำให้เราสามารถเลี้ยงปลาคาร์ฟให้มีสุขภาพที่ดี และเกิดปัญหาน้อยที่สุด
เริ่มจาก บ่อ ที่ใช้ในการเลี้ยงปลาคาร์ฟ นะครับ บ่อมาตรฐาน ต้องมีขนาดประมาณ 4 * 3 เมตรขึ้นไป และลึกประมาณ 40 เซนติเมตรเป็นอย่างน้อย เพราะถ้าบ่อเล็กกว่านี้จะทำให้ปลาคาร์ฟ โตได้ไม่เต็มที่ และขนาดบ่อที่ว่ามานี้สามารถเลี้ยงได้ประมาณ 3-4 ตัว แต่ถ้าอยากเลี้ยงมากกว่านี้ก็สามารถเลี้ยงได้ แต่จะทำให้ปลาคาร์ฟอยู่แออัดเกินไปทำให้เกิดความเครียดได้ส่งผลให้ปลาคาร์ฟ ไม่เจริญอาหาร ทำให้ปลาคาร์ฟโตช้าได้ ดังนั้นจำจำนวนที่พอเหมาะก็คือ 3-4 ตัวแต่หากเราต้องการที่จะเพาะพันธุ์ ปลาคาร์ฟ บ่อที่ว่ามานี้ให้เลี้ยงปลาที่เป็นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ได้แค่บ่อละคู่เพราะเราต้องการพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ที่สุขภาพดีและแข็งแรง แล้วส่วนตัวบ่อถ้าจะให้ดีบ่อควรขุดลงไปอยู่ในดินอย่างน้อยที่สุดก็ 20 เซนติเมตร เพราะเวลาในฤดูหนาวนั้นตอนกลางวันอากาศจะไม่ค่อยเย็นนักแต่พอตกกลางคืนอากาศจะเย็นลงอย่างรวดเร็ว ทำให้บ่อที่ไม่ได้ขุดอยู่ในดิน มีน้ำที่เย็นตกอย่างรวมเร็วส่งผลให้ปลาช็อกและตายได้ แต่ถ้าบ่อที่อยู่ในดินนั้นดินจะเก็บความอุ่นเอาไว้ทำให้น้ำค่อยๆเย็นจึงทำให้ปลาสามารถปรับตัวได้ทันจึงไม่มีปัญหาอะไรมากนัก
ต่อไปเป็นเรื่องของ น้ำ น้ำที่เหมาะสมแก่การเลี้ยงปลานั้นว่าจะปลาชนิดไหนก็ตามน้ำควรจะมีค่าเป็นกลาง ยกตัวอย่างเช่นน้ำประปา แต่ในน้ำประปาจะมี คลอรีน เราจึงต้องมีการพักน้ำไว้สัก 2-3 วันเพื่อให้ คลอรีน ในน้ำประปา ระเหยออกไปให้หมดเสียก่อนและก่อนจะนำน้ำมาใช้ก็ควรจะมีการใช้สารทดสอบคลอรีนเสียก่อนเพื่อความมั่นใจเพราะคลอรีนจะทำให้ปลาตายได้เมื่อน้ำพร้อมแล้วก็สามารถนำมาเลี้ยงปลาได้เลย แต่โดยปกติแล้วปลาคาร์ฟเป็นปลาที่ไม่หยุดนิ่งชอบว่ายทวนน้ำเราจึงควรมีการใส่ที่พ่นน้ำไว้ใต้น้ำและเดิม ออกซิเจน ตลอดเวลา เพื่อที่จะปลาได้ออกกำลังคล้ายเครียดส่งผลให้ปลาแข็งแรงและเจริญอาหารทำให้ปลาโตไวและมีสุขภาพที่ดี
ต่อไปก็ แสงแดด เรื่องนี้หลายคนคิดว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องที่สำคัญมากนักแต่เราก็ควรที่จะต้องรู้ไว้ เพราะแสงแดดก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อสีสันของปลาคาร์ฟโดยบ่อปลาคาร์ฟควรถูกแดดส่องวันละประมาณ 3-4 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้นหากไม่สามารถหาที่ ที่เหมาะสมในการตั้งบ่อได้ก็ควรจะมีพืชน้ำเช่น ดอกบัว หรืออะไรก็ได้ที่เป็นที่หลบแดดให้ปลาคาร์ฟของเรา แสงแดดนั้นหากปลาของเราได้รับมากเกินไปอาจทำให้สีของปลาซีดลงได้ แต่หากได้รับในปริมาณ ที่พอเหมาะจะทำให้ปลาของเรามีสีที่สดชัดเจนสวยงามมาก #จากประสบการณ์ของผมมันเป็นแบบนั้นจริงๆ
เรื่องของ อาหาร นั้นเรื่องนี้หากเราไม่ศึกษาดีๆแล้วละก็อาจจะเป็นการทำร้ายปลาคาร์ฟของเราได้นะครับ โดยปกตินั้นปลาคาร์ฟ จะเป็นปลาที่กินตลอดเวลาไม่รู้จักอิ่มแต่เราก็ไม่ควรให้มันกินตลอดเวลานะครับเราควรจะให้มันกินอาหารแบ่งเป็น 3 เวลาคือ ช่วงเช้าประมาณ 8-9 โมงเช้า ช่วงนี้ปลาจะเริ่มออกมาว่ายน้ำเล่นอย่างกับมารับอากาศบริสุทธิ์เลยอย่างนั้นดูแล้วมีความสุขมากๆ แล้วก็ช่วง 11 โมง ช่วงนี้ให้อาหารน้อยกว่าช่วงเช้าหน่อยเพราะอากาศมันจะร้อนปลาคาร์ฟจะไม่ค่อยขึ้นมากกินมากสักเท่าไหร่ ให้เยอะไปจะทำให้น้ำเสียไวเปล่าๆ ส่วนช่วงเย็นก็ประมาณ 4-6 โมงเย็นหรือใครไม่สะดวกก็อย่างน้อยก็ให้ช่วงเช้าและก็ช่วงเย็นก็พอครับ แล้วเรื่องของชนิดอาหารที่เราควรให้นั้นในช่วงปลาอายุ 1-2 ปีเราอาจเน้นเรื่องอาหารที่มีส่วนผสมของโปรตีนเป็นส่วนใหญ่เพื่อเร่งการเจริญเติบโตแต่ก็ไม่ควรเป็นโปรตีนทั้งหมดควรมีพวกสาหร่ายเป็นส่วนผสมด้วยเพื่อช่วยเรื่องการเร่งสีของปลา หากอาหารที่เป็นโปรตีนจ๋าเกินไปแบบอยากเร่งการโตของมันอาจจะทำให้ปลาเกิดผิดรูปได้เมื่อพ้นช่วง 1-2 ปีอาจจะได้ปลาคาร์ฟที่โตจนพอใจแล้วเราก็จะเปลี่ยนให้เป็นอาหารที่มีสาหร่ายเยอะๆเพื่อเร่งสีสันของมันแต่ถ้าอยากให้ไวๆอีกก็ใช้อาหารสูตรเดิมก็ได้เพราะปลาคาร์ฟนั้นสามารถโตได้ถึง 90 เซนติเมตรเลยที่เดียวนี้เป็นปลาคาร์ฟที่โตที่สุดในโลก อยู่ที่ฟาร์มซาไกที่ประเทศญี่ปุ่น แต่มันอาจจะโตได้มากกว่านี้ก็เป็นได้
# เรื่องราวทั้งหมดนี้มาจากการศึกษาและประสบการณ์ในการเลี้ยงและเพาะพุนธุ์ของผมเองหากผิดพลาดอะไรขออภัยด้วยนะครับ


